บุคคลใดถวายทานด้วยตนเองด้วย ชักชวนผู้อื่นให้ถวายทานด้วย บุคคลผู้นั้นย่อมได้ทั้งโภคทรัพย์ สมบัติ ความมั่งคั่ง ความร่ำรวย ทั้งบริวารสมบัติ (มิตรสหาย บริวาร)
“ดูก่อนอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย บุคคลใดถวายทานด้วยตัวเอง แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ถวาทานด้วยบุคคลนั้น เมื่อตายไปแล้วไม่ว่าจะเกิดที่ใดย่อมได้ซึ่งโภคสมบัติ (ความร่ำรวย)แต่จักไม่ได้ซึ่งบริวารสมบัติ (มิตรสหาย, บริวาร)
บุคคลใดชักชวนผู้อื่นให้ถวายทาน แต่ตนเองกลับไม่ถวาย บุคคลนั้น เมื่อตายไปแล้วไม่ว่าจะเกิดในที่ใด ย่อมได้ซึ่งบริวารสมบัติ (มากด้วยมิตรสหาย, บริวาร)แต่จักไม่ได้ซึ่งโภคสมบัติ
(มีความยากจน)
บุคคลใด ตนเองก็ไม่ถวายทานด้วย ไม่ชักชวนผู้อื่นด้วย บุคคลนั้นเมื่อตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดในที่ใด ย่อมไม่ได้แม้สักข้าวปลายเกวียน (ข้าวสารหัก) พออิ่มท้อง เขาย่อมเป็นคนอนาถา หาที่พึ่งไม่ได้
บุคคลใดถวายทานด้วยตนเองด้วย ชักชวนผู้อื่นให้ถวายทานด้วย บุคคลนั้น เมื่อตายไปแล้วไม่ว่าจะเกิดในที่ใด ย่อมได้ทั้งโภคสมบัติ (ความร่ำรวย) ทั้งบริวารสมบัติ (มิตรสหาย, บริวาร) สิ้นร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง”
โอวาทธรรมของ พระสารีบุตรเถระ
พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย : ๒๕๒๕ เล่มที่ ๔๐ หน้า ๑๐๘