ประวัติ พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง
สัปดาห์พระเครื่อง / อ.ราม วัชรประดิษฐ์
“พระพุทธองค์ผจงเจิดบรรเจิดฟ้า เป็นรูปมาระวิชัยปราบภัยหนี ศิลป์อู่ทองรุ่นแรกสรรค์โบราณมี เรืองรวีเรียก ‘หน้าแก่’ แลวิไล ยอดพระเกศเป็นปลีรัตน์ระบัดเด่น พระพักตร์เป็นเหลี่ยมวิมุติพิสุทธิ์ใส พระนลาฏเส้นขอบกั้นนิรันดร์ไป ขนงซ้ายขวาบรรจบประสบกัน พระเนตรวาวด้วยมุกงามอร่ามจับ ระยิบระยับประทับเด่นเป็นแสงขวัญ แข้งสันเด่นคางคนตามคำกล่าวกัน ผิวะพรรณสำริดประสิทธิ์ชัย พระหัตถ์ใหญ่ตำราครูผู้สอนสั่ง ประทับนั่งฐานสำเภาเรื่องราวร่าย เปรียบประดุจเทพนิมิตรประดิษฐ์กาย อุบัติไว้ในโลกหล้าสาธุการ เป็นอู่ทองรุ่นแรกรุดสุดพร้อมพรั่ง เมืองเก่าดั่งเนรมิตรวิจิตรขาน ก่อนสร้างกรุงอยุธเยศเกศตระการ ดั่งพิมานลอยจากฟ้าลงมาดิน ‘อยุธยาศรีรามร่วมแหล่งรวมเทพ เทวฤทธิ์สิทธิเสพภิเษกสิน มาภายหลังจึงลาร้างจางจรจินต์ ลมรวยรินเหลือพระพุทธวิสุทธิธรรม์ กราบปฏิมาสง่าองค์ทรงประจักษ์ ให้ตระหนักอู่ทองแท้เป็นแน่นั่น ต้นกำเนิดศิลป์สืบมาอย่างช้านาน ขอพรพรรณเกษมสุขทุกวันคืน” ศิลปะสกุลช่างที่รังสรรค์งานประติมากรรมสัมฤทธิ์ออกมาเป็นองค์พระพุทธรูปที่เรียกขานกันว่า พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ซึ่งแตกต่างจากศิลปะ “อู่ทองสุวรรณภูมิ” ศิลปะพระพุทธรูปอู่ทองนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นรอยต่อระหว่างศิลปะสุโขทัยและศิลปะอยุธยา มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 20 หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตหัวหน้ากองพิพิธภัณฑ์และโบราณวัตถุกระทรวงธรรมการและหัวหน้ากองโบราณคดี ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ศิลปะแบบอู่ทองนั้นคลี่คลายมาจากการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบทวารวดีกับศิลปะ ขอม กล่าวคือ การที่ขอมเข้ามามีอำนาจในแหลมอินโดจีนมิได้ทำให้งานทางศิลปกรรมของ “รัฐ” ดั้งเดิม อันได้แก่ ทวารวดีหยุดชะงักลง หากแต่ยังคงสืบทอดต่อเนื่องโดยคติความเชื่อแบบพุทธหินยานผสมกลมกลืนกับลักษณาการอันเข้มขลังของคติขอม
ที่มา https://siamrath.co.th/n/332167